ค่า CCA ของแบตเตอรี่ คืออะไร
หลายๆท่านคงเคยได้ยินและสงสัยสัยมานาน ว่าค่า CCA ที่ได้จากการวัดจากแบตเตอรี่เนี่ยมันคืออะไร มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนที่เราควรจะต้องเรียนรู้ ถ้าผู้อ่านเป็นผู้ที่ใช้รถใช้แบตเตอรี่โดยตรงแนะนำว่าควรเรียนรู้สักนิดนึง เพื่อเป็นประโยชน์ในด้านการใช้งานเกี่ยวกับแบตเตอรี่ แบตเตอรี่ที่เราใช้อยู่ทุกๆวันนี้ ผู้ใช้รถยนต์หรือผู้ใช้แบตเตอรี่คงพอทราบและให้ความสำคัญกันอยู่บ้างแล้ว แบตที่ใช้ทั่วๆไปในปัจจุบัน มีหลายชนิด หลายขนาด หลายกำลังไฟ(A) เช่นแบตเตอรี่แบบเจล ,แบตเตอรี่แบบเติมน้ำกลั่น Lead Acid หรือแบตน้ำทั่วไป , Maintenance Free Battery หรือ แบตแห้ง หรือ แบตกึ่งน้ำกึ่งแห้ง นั่นเอง
ทีนี้ก่อนเราจะทราบเกี่ยวกับการวัดค่า CCA เรามาดูวิธีการตรวจสอบแบตเตอรี่เบื้องต้นโดยทั่วไปกันก่อนครับ
วิธีตรวจสอบและวิเคราะห์แบตเตอรี่ จากค่าของโวลต์มิเตอร์
- โดยปกติ ขณะที่เราดับเครื่อง(กรณีแบตเตอรี่รถยนต์) ค่าควรอยู่ประมาณ 12-12.8 V หากค่าต่ำกว่า 12 V ถือว่าผิดปกติ อาจมีสาเหตุมาจากแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม(เก็บไฟไม่อยู่ )หรือไดชาร์จชาร์จไฟเริ่มมีปัญหา
วิธีตรวจสอบเบื้องต้น ว่าแบตเสื่อมหรือไม่จากการอ่านค่าแรงดันไฟจากแบตเตอรี่มีหน่วยเป็นโวลท์ (Volt)
- แบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ ค่าแรงดันไฟที่อยู่ในค่าปกติจะอยู่ระหว่าง 12-12.8 โวลท์ ถ้าต่ำกว่านี้แสดงว่าอาจมีอะไรที่ผิดปกติเกี่ยวกับแบตเตอรี่
- กรณีเพิ่งใช้งานแบตเตอรี่ หรือเพิ่งดับเครื่องยนต์ ควรรอวัดหลังจากดับเครื่องยนต์ 4-6 ชม.ไปแล้ว
- หลังจากดับเครื่องยนต์หรือชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มแล้วทิ้งไว้ 4-6 ชม. เช็คค่าแรงดันไฟจากแบตเตอรี่ ถ้าแรงดันไฟอยู่่ที่ 11..5-11.9V ค่าที่วัดบ่งบอกว่าแบตเตอรี่เริ่มเก็บไฟไม่อยู่แล้ว ให้ระวังในการใช้งาน
- แต่ถ้าวัดค่าแรงดันแบตเตอรี่ได้ต่ำกว่า 11.5 V ลงไป ถือว่าแบตเตอรี่เสื่อม กรณีถ้าเป็นรถยนต์ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่อย่างไม่ต้องมีเงื่อนไข หากจอดทิ้งไว้ อาจจะไม่สามารถสต๊าทเครื่องยนต์ได้
- แต่ถ้าเป็นกรณีที่แบตเตอรี่ยังใหม่อาจจะไม่ใช่เกิดจากแบตเตอรี่เสื่อม อาจจะเกิดจากสเหตุอื่นๆ เช่นมีกระแสไฟฟ้า รั่วลงกราวด์ ถ้าเป็นกรณีนี้แนะนำ ให้ช่างไฟฟ้ารถยนต์ตรวจสอบ
วิธีตรวจสอบไดชาร์ทรถยนต์จากการติดเครื่องยนต์แล้วอ่านค่าจากโวลท์มิเตอร์
1.แนะนำเทสที่รอบเครื่องยนต์ 1000 รอบต่อนาที(รอบเดินเบา)
- ค่าควรที่เหมาะสมจะประมาณ13.5-13.8 V ถ้ามีค่าต่ำกว่านี้เช่น 12.8-13.4V ไดชาร์ทเริ่มมีปัญหาคือชาร์จไฟได้ไม่เต็มที่
- ถ้าวัดแรงดันไฟจากแบตเตอรี่ ต่ำกว่า12.8 V แสดงว่าไดชาร์จไม่ชาร์จกระแสไฟฟ้าให้กับแบตเตอริ่
- ถ้าวัดแรงดันไฟจากแบตเตอรี่ ต่ำกว่า 12V วิเคราะห์ได้ว่า ขณะนั้นระบบไฟฟ้าในรถดึงกระแสไฟฟ้าแบตเตอรี่มาใช้งานเพียงอย่างเดียว ซึ่งควรมุ่งประเด็นไปตรวจเช็คที่ไดชาร์ทรถยนต์
หลังจากที่เราได้ทราบวิธีการตรวจเช็คแบตเตอรี่ในเบื้องต้นแล้วทุกอย่างไม่มีอะไรผิดปกติตามที่เช็คข้างต้น แต่เกิดปัญหาอย่างดังเช่นตัวอย่างดังต่อไปนี้
เป็นกรณีที่แบตเตอรี่ที่เราใช้อยู่ประจำและมั่นใจว่าได้ชาร์จไฟมาเต็มแล้ว วัดแรงดันไฟด้วยโวลท์มิเตอร์ ได้มากกว่า 12.5V (แรงดันที่เหมาะสมในขณะดับเครื่องควรอยู่ที่12V-12.8V) แต่พอนำมาสตาร์ทเครื่องยนต์ กลับไม่ติด และแรงดันไฟตกมาต่ำกว่า 9V โดยทันที แปลกใจไหมครับว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร แน่นอนสาเหตุมาจากค่า CCA ของแบตเตอรี่อยู่ในระดับต่ำนั่นเองครับ แล้วเราจะทราบได้อย่างไรนั้นว่าค่าCCA อยู่ในระดับหรือมีค่าเท่าใด อันนี้ก็จะต้องใช้เครื่องวัด CCA หรือเครื่องวิเคราะห์แบตเตอรี่ที่สามารถวัดค่า CCA ได้ครับ
ค่า CCA ย่อมาจาก Cold Cranking Amp มันคือค่าวัดความสามารถในการจ่ายกระแสในระยะเวลา 30วินาที เพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ในอุณหภูมิที่เย็นในระดับนึง ดังนั้นท่านคงเข้าใจไม่ผิดว่าถ้าค่า CCA ยิ่งสูงมากเท่าไหร่ก็แสดงว่าแบตเตอรี่ มีกำลังสำหรับสตาร์ทมากขึ้นเท่านั้น ซึงการใช้งานจริงจะมีค่ามาตรฐานแยกออกไปอีกในแต่ละมาตรฐาน ซึ่งผลออกมาค่าจะได้ไม่เท่ากัน เพราะขึ้นอยู่กับของแต่ละมาตรฐานและอุณภูมิ เช่น ตามมาตรฐานการวัดค่า CCA ของ IEC , SAE,DIN,EN เป็นต้น
Email :
หัวข้อ :
ข้อคิดเห็น :
รหัสป้องกันสแปม :
เพิ่มข้อคิดเห็น